คลิป
คณะวิจัยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Catlin Arctic Survey) ระบุว่า ถ้าปริมาณของก๊าซมีเทนยังคงรั่วไหลออกมาอย่างต่อเนื่องแบบนี้ล่ะก็ มันจะส่งผลทำให้น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือละลายจนหมดอย่างรวดเร็ว ใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ไร้แผ่นน้ำแข็งปกคลุม พายุจะรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เห็นได้ชั้นเจนในพื้นที่บริเวณขั้วโลกเหนือ ถูกจับตามองโดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่เดินทางดั้นด้นเข้าไปเก็บข้อมูลเพื่อการวิจัย ในช่วงหน้าร้อนของทุกปีความเปลี่ยนแปลงอันน่ากลัวที่นักวิทยาศาสตร์พูดถึงกันมากคือ ขนาดของแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกลดลงอย่างชัดเจน ตลอดจนชั้นน้ำแข็งถาวรในดินเขตอาร์กติกทุนดรา เหตุการณ์ ดินถล่มและการกัดเซาะในเขตอาร์กติก รวมถึงพายุในมหาสมุทรอาร์กติก และการเปลี่ยนแปลงของพืชสิ่งมีชีวิตในเขตอาร์กติก
นักวิทยาศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทั่วโลก เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ เพราะปัจจุบันในช่วงฤดูร้อนแผ่นน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกเหลืออยู่เพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาน้ำแข็งบริเวณดังกล่าวเหลือประมาณร้อยละ 50-60 ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆอีกทั้ง ข้อมูลที่ผ่านมายังพบว่าอุณหภูมิของพื้นที่ดังกล่าวยังสูงกว่าพื้นที่อื่น 2-3 องศาเซลเซียส ซึ่งทุก 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้นน้ำแข็งจะหายไปประมาณ 1 ล้านตารางกิโลเมตร หรือร้อยละ 12 ของพื้นที่ทั้งหมดปัญหาทั้งหมดจะส่งผลให้ทั่วโลกร้อนขึ้นอย่างแน่นอน โดยใน 20 ปีข้างหน้าเป็นอย่างต่ำจะทำให้ทั่วโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส รวมถึงประเทศไทย ที่ถึงแม้การละลายของน้ำแข็งขั้วโลกเหนือไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงผลกระทบโดยอ้อมจะเกิดการไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก และแอตแลนติกที่เปลี่ยนแปลงไป จากอิทธิพลของมวลอากาศจากอาร์กติก ทำให้เกิดเอลนิโญและลานิญาจะถี่ขึ้น และยากต่อการคาดเดา"
0 Response to "ทีมนักวิทย์พบก๊าซมีเทนรั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมากอย่างผิดปกติถึง 50 เท่า ที่ขั้วโลกเหนือ"
แสดงความคิดเห็น