29 ก.ค. 57 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC รายงานว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา 1,201 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 672 คน ในกินี ไลบีเรีย และเซียร์รา เลโอน นอกจากนี้ยังมีชาวอเมริกัน 2 คน ที่ติดเชื้อนี้ โดยคนหนึ่งเป็นแพทย์ และอีกคนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งผู้ติดเชื้อ มีอาการที่ปรากฏชัด คือ เป็นไข ปวดตามข้อ ท้องเสีย อาเจียน และมีเลือดออกทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
สเตฟาน มอนโร รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี แผนกโรคอุบัติใหม่และโรคติดต่อในสัตว์ บอกว่า มีความเป็นไปได้น้อยที่เชื้ออีโบลา จะแพร่กระจายออกไปนอกพื้นที่แอฟริกาตะวันตก แต่สถานการณ์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ และ ซีดีซี ก็ต้องเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่นักท่องเที่ยวติดเชื้อและอาจนำไปแพร่ต่อ
ซีดีซี ได้ประกาศเตือนในระดับที่สอง คือ ถ้าไม่มีความจำเป็น ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังภูมิภาคที่มีการแพร่ระบาดของโรค และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือด หรือของเหลวของผู้ป่วยในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ พร้อมกันนี้ ยังได้ส่งคำเตือนไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในสหรัฐ ให้ตรวจสอบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากแอฟริกาตะวันตกในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ติดเชื้อหรือไม่ พร้อมย้ำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตระหนักถึงลักษณะอาการของไวรัส เพื่อแยกผู้ต้องสงสัยว่าจะได้รับเชื้อนี้
แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ การระบาดของโรคนี้ กำลังเหมือนไฟป่าที่ลุกลามจากต้นไม้ต้นเดียว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไลบีเรีย ไม่พบการติดเชื้อใน 21 วัน
แต่เชื้อก็กลับมาสู่ไลบีเรียอีกครั้ง ตามแนวชายแดน และถ้ายังไม่สามารถระบุและยับยั้งการแพร่ระบาดทุกทางของเชื้อไวรัสนี้ได้ ก็จะไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้
อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลา สามารถพุ่งสูงถึง 90% ได้ แต่ขณะนี้อยู่ที่ราว 60% แสดงให้เห็นว่า มาตรการป้องกันนั้นสัมฤทธิ์ผล แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าการระบาดของโรคนี้จะสิ้นสุด และคาดว่า จะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกในไม่กี่เดือนข้างหน้า
คมชัดลึก
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)